วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 3 สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนและบ้าน (เนื้อหา)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 3 สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนและบ้าน (เนื้อหา)

Download (เนื้อหา)

1.      ความหมายและความสำคัญของสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม คือ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา แบ่งออกเป็น 2 พวก คือ
ก.      สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งอยู่รอบตัวเรา ที่มีอยู่ หรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความสัมพันธ์กับคน และสิ่งแวดล้อมด้วยกัน แบ่งได้เป็น 2 พวก คือ
(1)   สิ่งมีชีวิต ได้แก่ คน สัตว์ พืช
(2)   สิ่งไม่มีชีวิต ได้แก่ หิน ดิน น้ำ อากาศ
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่มนุษย์เรานำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ดำรงชีวิตได้ และให้ความสะดวกสบาย เรียกว่า ทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ดิน หิน ทราย น้ำ น้ำมัน อากาศ ป่าไม้ สัตว์ป่า
ข.      สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น
สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์และให้ความสะดวกสบาย ได้แก่ บ้านเรือน ถนน สะพาน สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ

2.     การพึ่งพาอาศัยกันของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่โรงเรียน และที่บ้านมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องและพึ่งพาอาศัยกัน เช่น  บ้านและอาคารปลูกบนดิน มีการปลูกต้นไม้รอบ ๆ บริเวณ เพื่อให้ดูสวยงาม และ เราได้รับอากาศดี ฝนทำให้ดินชุ่มชื้น เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืช แสงแดดทำให้เราได้รับแสงสว่างและความอบอุ่น พืชต้องการแสงแดดในการสร้างอาหารด้วย
ดิน น้ำ อากาศ แสงแดด ต้นไม้ เป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ทั้งที่บ้าน และที่โรงเรียน ให้ประโยชน์แก่คนเราทั้งทางตรง และทางอ้อม ทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ เราทุกคนรักสิ่งแวดล้อม และช่วยกันดูแลให้มีสภาพดี เราไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม


3.     สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่โรงเรียนและที่บ้าน
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่โรงเรียนและบ้าน คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่มีอยู่ภายใน และรอบบริเวณโรงเรียนและบ้าน ซึ่งเรามองเห็น หรือ มองไม่เห็นก็ได้ เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ดิน หิน อากาศ ลม ฝน ภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ สัตว์
โรงเรียนและบ้านจะต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติ มีแสงแดดจากดวงอาทิตย์ มีลมพัดผ่าน เย็นสบาย ทำให้มีอากาศปลอดโปร่ง มีฝนตก ทำให้ดินชุ่มชื้น ต้นไม้งอกงามดี มีน้ำไหลตามธรรมชาติ ทำให้มีบริเวณที่ร่มรื่นและสวยงาม

4.     องค์ประกอบทางกายภาพ
องค์ประกอบ หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่นำมารวมกัน ทำให้เกิดเป็นรูปร่าง สถานที่ หรือ บริเวณ
กายภาพ หมายถึง สิ่งที่มองเห็น จับต้องได้

ก.     องค์ประกอบทางกายภาพของโรงเรียน
โรงเรียนแต่ละแห่งมีองค์ประกอบที่สำคัญเหมือนกัน คือ อาคารเรียน ห้องเรียน เสาธง ซุ้มพระพุทธรูป โรงอาหาร ห้องประชุม ก๊อกน้ำ ห้องส้วม ต้นไม้ สนามหญ้า สนามเล่นกีฬา ที่ปลูกไม้ประดับ ถังรองรับขยะ
ส่วนที่แตกต่างกันขององค์ประกอบแต่ละโรงเรียน เช่น บริเวณพื้นที่ ขนาด จำนวนอาคาร บริเวณที่จอดรถ สระว่ายน้ำ โรงฝึกกีฬาในร่ม แปลงปลูกพืชผัก องค์ประกอบที่แตกต่างกันนี้ บางโรงเรียนอาจจะมี หรือ ไม่มีก็ได้
ลักษณะทางกายภาพของโรงเรียนที่อยู่ในเมือง ย่อมแตกต่างจากโรงเรียนที่อยู่นอกเมืองออกไป เช่น
-          โรงเรียนในเมือง จะมีอาคารเรียนหลายหลัก แต่ละอาคารมี  3 – 4 ชั้น บริเวณสนามมีน้อย ถนนหน้าโรงเรียนจะมีรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่มารับส่ง ในเวลาเช้าก่อนโรงเรียนก่อนโรงเรียนเข้าและตอนเลิกเรียน จอกจากนี้ยังมีคนนำขนม ของกิน ของเล่น มาขายที่หน้าโรงเรียน ทำให้มีความวุ่นวายมาก นอกจากนี้ยังมีต้นไม้น้อย อาจเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้ในกระถาง ตั้งวางที่บริเวณอาคาร

-          โรงเรียนนอกเมือง  มีบริวเวณกว้างขวาง ใช้เป็นสนามกีฬา จำนวนอาคารเรียนมีไม่มาก เพราะจำนวนนักเรียนมีน้อยกว่าโรงเรียนในเมือง มีต้นไม้ที่ให้ร่มเงา แต่ยานพหนะที่มารับส่งนักเรียนมีน้อย ทำให้ไม่มีความวุ่นวาย และไม่มีความแออัด รวมทั้งสินค้าที่มาขายหน้าโรงเรียนไม่มี หรือ มีน้อย

ข.     องค์ประกอบทางกายภาพของบ้าน
บ้านมีองค์ประกอบที่เป็นตัวบ้าน คือ เสา หลังคา ฝาบ้าน หน้าต่าง ประตู ฝ้าเพดาน ซึ่งสร้างด้วยไม้ อิฐ ปูน กระจก ตะปู ในบ้านประกอบด้วยหลายห้อง เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ซึ่งแล้วแต่ความต้องการของเจ้าของบ้าน

นอกจากตัวบ้านที่มีองค์ประกอบของล้านแล้ว ยังมีองค์ประกอบทางกายภาพรอบบ้าน หรือ สภาพแวดล้อมบริเวณบ้าน เช่น ต้นไม้ สนาม พื้นดิน รั้ว ทางเดินรอบบ้าน ถนนหน้าบ้าน บ้านใกล้เคียง





Download (เนื้อหา)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (แบบทดสอบ)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (แบบทดสอบ)










คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (แบบฝึกหัด)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (แบบฝึกหัด)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (เนื้อหา)


คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (เนื้อหา)


Download (เนื้อหา)  

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (เนื้อหา)  

1.      ความหมายและความสำคัญ
บ้าน  คือ ที่อยู่อาศัยของคน บ้านมีหลายแบบ มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น เรือน กระท่อม ตึกแถว แฟลต คอนโดมิเนียม
ทุกคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เรียกว่า ครอบครัว ซึ่งเป็นสมาชิกในบ้าน มี พ่อ แม่ พี่น้อง และตัวเรา
บ้านเป็นที่พักผ่อนและดำรงชีวิตประจำวัน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว กินอาหาร ดูทีวี นอนหลับ ในบ้านจะมีห้องที่สำคัญ คือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ส่วนห้องอื่น ๆ แล้วแต่ขนาด และฐานะของคนในบ้าน ซึ่งบ้านยังเป็นที่เก็บสิ่งของเครื่องใช้ของทุกคนในบ้านด้วย
ความสำคัญของบ้าน คือ เป็นที่อยู่อาศัยอย่างสุขกายสุขใจ ขนาดของบ้านไม่สำคัญเท่ากับคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน มีความรัก ความห่วงใย เข้าใจและมีน้ำใจต่อกัน ช่วยกันดูแลจัดบ้านให้สะอาด ไม่รกรุงรัง ทุกคนในบ้านก็มีความสุข

2.     บุคคลในบ้านและญาติผู้ใหญ่
คนที่อยู่บ้านเดียวกัน เรียกว่า ครอบครัว ซึ่งมีหลายคน ครอบครัวของเรามี พ่อ แม่ พี่ น้อง และตัวเรา นอกจากนี้อาจมีญาติมาอาศัยอยู่ด้วย
(1)  พ่อแม่
    พ่อแม่ คือ ผู้ให้กำเนิดเรา เลี้ยงดูเราจนเติบโต ให้เราได้ศึกษาเล่าเรียน เพื่อให้มีความรู้ ความคิด นำไปประกอบอาชีพ สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
(2) ญาติผู้ใหญ่
ญาติ คือ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ กับครอบครัวของเรา ญาติผู้ใหญ่ของเรามี ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ
ก.      ญาติฝ่ายทางพ่อ ได้แก่
ปู่ คือ พ่อของพ่อ
ย่า คือ แม่ของพ่อ
ลุง คือ พี่ชายของพ่อ
ป้า คือ พี่สาวของพ่อ
อา คือ น้องชาย หรือ น้องสาวของพ่อ
ข.      ญาติทางฝ่ายแม่ ได้แก่
ตา คือ พ่อของแม่
ยาย คือ แม่ของแม่
ลุง คือ พี่ชายของแม่
ป้า คือ พี่สาวของแม่
น้า คือ น้องชาย หรือ น้องสาวของแม่



3.     ข้อมูลของตัวเราและครอบครัว
เราได้เรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ของโรงเรียนที่เราไปเรียนเหมือนกับเพื่อน ๆ เพราะเป็นเรื่องของข้อมูลเดียวกัน เราทราบข้อมูลของโรงเรียนโดยการสอบถามจากครู แต่ข้อมูลของตัวเราเอง และครอบครัว ต้องแตกต่างจากเพื่อน เราต้องรู้จักสำรวจข้อมูลโดยการสอบถามจากพ่อ แม่ พี่ หรือ ญาติผู้ใหญ่ และจดบันทึกไว้เพื่อให้จำได้
ข้อมูลที่ควรสำรวจเกี่ยวกับตัวเอง และครอบครัว ได้แก่
(1)   เชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิดของฉัน
(2)   จำนวนสมาชิกในบ้าน มี ___ คน
(3)   ชื่อพ่อแม่ และอาชีพการงานของท่าน
(4)   บ้านของฉันเลขที่ ______ ซอย______ ถนน _____ ตำบล (แขวง) _________ อำเภอ (เขต) _________ จังหวัด ____________
(5)   งานในบ้านที่ฉันช่วยทำได้ คือ ____________
4.     บทบาทหน้าที่ของบุคคลในครอบครัว
บุคคลในครอบครัว คือ สมาชิกที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ได้แก่ พ่อ แม่ ลูก แต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง ดังนี้
(1)   พ่อ คือผู้ชายที่ให้กำเนิดเรา เป็นหัวหน้าครอบครัว พ่อมีบทบาทในการดูแล และช่วยเหลือทุกคนในบ้าน
หน้าที่ของพ่อ
-          ทำงานเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน
-          อบรมและสอนลูกให้รู้หน้าที่ และให้เป็นคนดี
-          ดูและและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้าน เช่นซ่อมแซมเครื่องใช้ที่ชำรุด
-          ช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้แก่สมาชิกในบ้าน
-          ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูก

(2)   แม่ คือ ผู้หญิงที่ให้กำเนิดเรา เป็นผู้ช่วยของพ่อ แม่มีบทบาทในการดูแลความเป็นอยู่ และจัดการเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านให้เรียบร้อย บางบ้านแม่ต้องทำงานเพื่อช่วยหารายได้มาใช้จ่ายด้วย
หน้าที่ของแม่
-          ดูแลจัดการเรื่องอาหารการกิน
-          ทำความสะอาดบ้านและเสื้อผ้า
-          สอนให้ลูกรู้หน้าที่ และฝึกให้ช่วยงานบ้าน
-          จัดการดูแลการใช้จ่ายเงินให้เหมาะสม
-          ให้กำลังใจลูก ดูแลเมื่อลูกไม่สบาย

(3)   ลูก คือ ผู้ที่เกิดจากพ่อแม่ เราเป็นลูก เรามีพี่และมีน้อ
หน้าที่ของลูก
-          ตั้งในศึกษาเรียนรู้ เพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้
-          เชื่อฟังและทำตามคำสั่งสอนของพ่อแม่
-          ช่วยเหลืองานในบ้านที่ทำได้ ไม่ทำเฉย
-          ช่วยประหยัดสิ่งต่าง ๆ ในบ้าน
-          มีน้ำใจต่อพ่อแม่ พี่น้อง ไม่ทะเลาะกัน
5.      การช่วยเหลือครอบครัว
เราอยู่ด้วยกันในครอบครัวอย่างมีความสุข เพราะทุกคนในบ้านดูและช่วยเหลือกัน มีน้ำใจต่อกัน พ่อแม่ทำงานหาเงินมาใช้จ่ายและเลี้ยงดูลูกให้ได้เล่าเรียน เราเป็นลูกจึงต้องรู้จักช่วยเหลือครอบครัว ดังนี้
(1)   ตื่นนอนแต่เช้า เก็บที่นอน ช่วยตัวเองในการทำความสะอาดร่างกาย แต่งตัว กินอาหาร และการขับถ่ายโดยไม่ต้องรอให้พ่อแม่บอกทุกครั้ง
(2)   ช่วยทำงานในบ้านตามความสามารถ โดยฝึกทำเป็นประจำ เช่น กวาดถูบ้าน เก็บของใช้ ของเล่นให้เข้าที่
(3)   ช่วยปิดไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อใช้แล้ว
(4)   ใช้น้ำประปาให้พอดี เท่าที่จำเป็น
(5)   ไม่พูดคุยเล่นทางโทรศัพท์นานเกินไป
(6)   รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายและพักผ่อนพอเพียง หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา
(7)   มีส่วนช่วยในการจัดสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน หรือหยิบไปใช้ต้องนำกลับมาไว้ที่เดิม

การฝึกตนในการช่วยเหลือครอบครัว ต้องฝึกตั้งแต่เล็ก ให้เป็นนิสัยที่ดี และนำไปปฏิบัติได้จนเป็นผู้ใหญ่ เป็นการสร้างคุณภาพให้แก่ชีวิตของเราเอง

6.      มารยาทในการกิน
เราต้องฝึกมารยาทในการกิน โดยที่พ่อแม่ หรือ ญาติผู้ใหญ่เป็นผู้ที่แนะนำ สั่งสอนเรา เรามีมารยาท และนิสัยที่ดีในการกิน ดังดี
(1)   ตักอาหารให้พอดี แล้วกินให้หมอและเคี้ยวให้ละเอียด
(2)   รู้จักใช้ช้อนส้อม และใช้ช้อนกลางในการตักอาหาร
(3)   ตั้งใจกินให้เสร็จ ไม่เล่นคุยหยอกล้อกันขณะที่กิน
(4)   กินไม่มูมมาม รีบร้อนจนหกเลอะเทอะ
(5)   ล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง ก่อนกินอาหารและหลักกินอาหาร
(6)   ช่วยหยิบหรือยกสิ่งต่าง ๆ ที่ทำได้ เพื่อผ่อนแรงและแสดงน้ำใจ เช่น ยกถ้วยจานที่ใช้แล้วไปไว้ที่บ้าง หรือฝึกล้างภาชนะที่พอทำได้ ช่วยเช็ดโต๊ะอาหาร

7.      ฝึกตนให้มีพื้นฐานการเรียนและการทำงาน
การช่วยเหลือตนเอง และการฝึกมารยาทในด้านต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้ไปนั้น เป็นการฝึกตนเองในเบื้องต้นจากที่บ้านและที่โรงเรียน ทำให้เรามีนิสัย และการกระทำที่ดีงาม เป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการเรียน ซึ่งยังมีเรื่องที่ควรรู้ และฝึกตนเองให้ทำได้ตามวัย ดังนี้
(1)   รู้จักฟัง และอ่านเรื่องต่าง  ๆ ให้เข้าใจ รู้จักถามถ้ายังไม่เข้าใจ
(2)   พูดตอบ หรือพูดถามให้ชัดเจน
(3)   เขียนสิ่งที่เรารู้หรือสิ่งที่เราอยากจะบอกให้ตรงเรื่อง
(4)   ทำงานที่ได้รับมอบหมายทั้งที่โรงเรียน และที่บ้านให้เสร็จทันเวลา ไม่มัวพูดคุย หรือเล่นโอ้เอ้อยู่
(5)   ทำตามกฎระเบียบที่กำหนด รู้จักแก้ไขปรับปรุงตนเองในเรื่องที่บกพร่องให้ดีขึ้น


Download (เนื้อหา)   Download (แบบฝึกหัด)    Download (แบบทดสอบ) 



คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 1 รู้จักและรักโรงเรียน (แบบทดสอบ)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 1 รู้จักและรักโรงเรียน (แบบทดสอบ)









คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 1 รู้จักและรักโรงเรียน (แบบฝึกหัด)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 1 รู้จักและรักโรงเรียน (แบบฝึกหัด)







คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 1 รู้จักและรักโรงเรียน (เนื้อหา)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 1 รู้จักและรักโรงเรียน (เนื้อหา)



บทที่ 1 รู้จักและรักโรงเรียน

1.      ความหมายและความสำคัญ
          โรงเรียน คือ สถานศึกษา ที่มีการจัดการเรียนการสอนแก่นักเรียน เราเป็นเด็ก เมื่อมีอายุพอควร พ่อแม่พาเรามาเข้าโรงเรียน เพื่อให้เราได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ เราได้ฝึกอ่าน เขียน คิดลข เข้าใจเนื้อหาสาระวิชาที่ควรรู้ ช่วยเหลือตนเอง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
          เรามาโรงเรียน เราเป็นนักเรียน มีคุณครูเป็นผู้สอน ทำให้เรามีความรู้ ความคิด ได้รับการฝึกอบรมให้เป็นคนดี สามารถทำงานได้ และอยู่ร่วมกับนักเรียนคนอื่นที่เป็นเพื่อนของเราอย่างมีความสุข
          เราเรียนตามอายุในระดับชั้นเรียนที่ต่อเนื่อง คือ ชั้น อนุบาล ชั้นประถมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษา จนถึงระดับวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย

2.     ข้อมูลของโรงเรียน
ข้อมูล คือ เรื่องเป็นจริงเบื้องต้นที่ควรรู้
โรงเรียนมีบริเวณกว้าง มีอาคารเรียน เสาธง สนาม โรงอาหาร ห้องน้ำ บ้านพักครู มีต้นไม้ให้ความร่มรื่น สวยงาม
เราต้องรู้จักข้อมูลของโรงเรียน เกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้
-          ชื่อโรงเรียน และอักษรย่อ
-          ที่ตั้งและอาคารสิ่งก่อสร้างของโรงเรียน
-          ชื่อครูผู้สอน ที่เป็นครูประจำชั้น และครูประจำวิชา
-          ชื่อผู้บริหารโรงเรียน
-          คำขวัญและสีประจำโรงเรียน
ข้อมูลหรือเรื่องราวของโรงเรียนที่ควรรู้ อาจจะมีหลายเรื่อง ซึ่งเราและเพื่อนในห้องทุกคนสามารถบอกเรื่องได้ตรงกัน ครูผู้สอน หรือ ครูประจำชั้นของเรา จะเป็นผู้บอกข้อมูล หรือเรื่องราวต่าง ๆ แก่นักเรียน เราต้องรู้จักสังเกตและจำสิ่งที่ได้เรียนรู้ ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคย และรักโรงเรียนของเรา

    3.     บุคคลในโรงเรียน
(1)   ผู้อำนวยการ
ผู้อำนวยการเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่ดูแลแนะนำและควบคุมการทำงานของทุกคนในโรงเรียน เป็นฝ่ายบริหาร มีรองผู้อำนวยการที่ช่วยดูแลงานฝ่ายต่าง ๆ ของโรงเรียนด้วย
(2)   ครูผู้สอน
ครูผู้สอน ทำหน้าที่สอน และอบรมนักเรียน ให้มีความรู้ความสามารถ มีความประพฤติดี ฝึกให้เรารู้จักคิด และทำงานเป็น ครูผู้สอนมีทั้งครูประจำชั้น ครูประจำกลุ่มสาระต่าง ๆ รวมทั้งครูบรรณารักษ์ ที่อยู่ประจำห้องสมุด ซึ่งจัดหาและบริการให้ยืมหนังสือแก่ครูและนักเรียน นอกจากนี้ ยังมีครูพยาบาล ที่ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของนักเรียนที่เจ็บป่วยไม่รุนแรง หรือ ช่วยปฐมพยาบาลแก่นักเรียนที่ได้รับอุบัติเหตุ ก่อนนำส่งโรงพยาบาล
(3)   ภารโรง
ภารโรง ทำหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาด รักษาทรัพย์สินของโรงเรียน คอยเปิด และปิดอาคารเรียน ดูแลและรดน้ำต้นไม้ รวมทั้งซ่อมแซมสิ่งของเครื่องใช้ให้อยู่ในสภาพดี
นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ หรือคนงาน ที่ทำหน้าที่ริการครูและนักเรียนในด้านอื่น ๆ เช่น ทำอาหาร ขับรถของโรงเรียน พิมพ์เอกสารข้อมูล
(4)   นักเรียน
นักเรียนมีหน้าที่สำคัญ คือ ศึกษาเล่าเรียนอย่างตั้งใน เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถในการทำงาน และฝึกฝนตนเองให้เป็นคนดี เชื่อฟังคำสอนของครู และพ่อแม่ ทำตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของโรงเรียน ไม่ดื้อดึง เรานำความรู้ความสามารถที่ได้ฝึกฝนไปประกอบอาชีพ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
  
   4.     กฎระเบียบของโรงเรียน
กฎ ระเบียบ หมายถึง ข้อกำหนดให้ทุกคนที่อยู่ร่วมกันทำตาม เพื่อให้มีความเรียบร้อย มีวินัยที่ดี ไม่วุ่นวาย ผู้ที่ทำตามกฎระเบียบ เป็นผู้ที่ให้ความร่วมมือ และมีมารยาทที่ดีงาม กฎระเบียบที่ต้องทราบ เพื่อนำไปปฏิบัติให้ถูกต้อง เหมาะสม มีหัวข้อเรื่อง และข้อปฏิบัติ ดังนี้
ก.     การแต่งกาย
โรงเรียนกำหนดระเบียบการแต่งการตามปกติ คือ ชุดนักเรียน แต่บางวัน นักเรียนต้องแต่งชุดพลศึกษา หรือชุดลูกเสือ เนตรนารี ตามตารางเรียน
เราแต่งกายให้ถูกต้อง และเรียบร้อย ไม่เล่นให้สกปรกเลอะเทอะ
ข.     มายาทในการเคารพ
เราเคารพครูในโรงเรียนทุกท่าน เพื่อแสดงถึงกิริยามารยาทที่ดีงาม การเคารพมีหลายแบบ ตามโอกาสที่เราจะนำไปปฏิบัติ มีดังนี้
(1)   ไหว้ เราไหว้พ่อ แม่ ครู และผู้ที่มีอายุมากกว่าเรา เพื่อแสดงความเคารพ และทักทายเมื่อพบกัน
(2)   กราบ เรากราบพระ 3 ครั้ง เมื่อสวดมนต์ และกราบครู 1 ครั้ง ก่อนเรียน หรือ หมดเวลาเรียน
(3)   ยืนตรง เราเข้าแถว และยืนตรง เมื่อเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาทุกเช้า
(4)   วันทยหัตถ์ เมื่อวันที่เราแต่งเครื่องแบบลูกเสือ – เนตรนารี
(5)   ถวายความเคารพ นักเรียนชายโค้งคำนับ นักเรียนหญิง ถอนสายบัว ในวันที่มีกิจกรรมถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ค.     มารยาทในการพูด
ทุกคนชอบฟังคำพูดที่ไพเรา นุ่มนวล เมื่อเราพูดกับคนอื่น จึงต้องมีมารยาทในการพูด และพูดสื่อสารให้เข้าใจกัน ดังนี้
(1)   ใช้คำพูดที่สุภาพ ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดกล่าวร้ายผู้อื่น
(2)   พูดชัดถ้อยชัดคำ ไม่พูดอ้อมแอ้ม หรือไม่พูดตะโกนเอะอะ
(3)   รู้จักใช้คำว่า สวัสดี ขอบคุณ ขอบใน ขอโทษ ให้เหมาะสมตามโอกาส
(4)   ไม่พูดปด ให้พูดแต่ความจริง
(5)   เมื่อมีปัญหา ต้องรีบพูดบอก พ่อ แม่ ครู หรือ ผู้อื่นให้รู้เรื่อง

ง.      การมีส่วนร่วมในห้องเรียน
ในแต่ละห้องเรียน มีครูผู้สอน เป็นผู้ให้ความรู้ และ อบรมสั่งสอนให้นักเรียนมีความประพฤติที่ดีงาม ฝึกการอยู่ร่วมกัน ดูแลช่วยเหลือกัน โดยกำหนดเป็นข้อตกลงในห้องเรียน ได้แก่
(1)   ตั้งในฟังครูสอน และทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย
(2)   ช่วยกันรักษา และทำความสะอาดห้องเรียน
(3)   ทิ้งขยะในถังรองรับทุกครั้ง ไม่มักง่ายทิ้งเกลื่อนกลาด
(4)   เลือกหัวหน้าห้อง เพื่อบอกเคารพครู และช่วยเหลืองานของครูบางเรื่อง
(5)   ปฏิบัติหน้าที่การทำความสะอาดห้องเรียนประจำวัน
(6)   ไม่นำอาหาร หรือขนมมากินในห้องเรียน
(7)   รู้จักการเข้าแถวตามลำดับก่อนหลังเมื่อส่งงาน หรือรับสิ่งของ และเข้าแถวตามลำดับสูงต่ำเมื่อเคารพธงชาติตอนเช้า
    5.      ระเบียบวินัย
ระเบียบวินัย คือ ข้อกำหนดที่เราต้องทำตาม และข้อห้ามที่ไม่ควรทำ เพื่อให้ทุกคนในโรงเรียนอยู่ร่วมกันอย่างสงบ เรียบร้อย ไม่วุ่นวาย ไม่เกิดปัญหา
ก.     ข้อกำหนดที่ต้องทำ
(1)   มาโรงเรียนทุกวัน ไมหยุดเรียนบ่อยโดยไม่จำเป็น
(2)   มาโรงเรียนแต่เช้า ไม่มาสาย เมื่อเลิกเรียนรีบกลับบ้าน ไม่เถลไถล
(3)   แต่งกายให้สะอาดเรียบร้อย ถูกระเบียบ
(4)   รู้จักเคารพครู และผู้ใหญ่ มีน้ำใจรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น
(5)   มีมารยาทในการพูด การเคารพ การเข้าแถว และการเดินแถว
ข.     ข้อห้ามที่ไม่ควรทำ
(1)   ห้ามทะเลาะวิวาท หรือ แกล้งเกเรกัน
(2)   ห้ามลักขโมย หรือ แย่งสิ่งของผู้อื่น
(3)   ไม่แต่งกายผิดระเบียบที่กำหนด
(4)   ไม่ทำลายสิ่งของ หรือทรัพย์สินของโรงเรียน
(5)   ไม่ละเลยต่องานที่ครูให้ทำ

    6.      การช่วยเหลือโรงเรียน
เราเป็นสมาชิกชองโรงเรียน เราทุกคนรู้จักบุญคุณของโรงเรียน และครูผู้สอน โดยการช่วยเหลือโรงเรียนในด้านต่าง ๆ  เช่น
-          เมื่อโรงเรียนขอความร่วมมือ ควรให้การสนับสนุน
-          ตั้งใจเรียน ประพฤติดี เป็นที่ยกย่องของบุคคลทั่วไป
-          ชั่วกันรักษาความสะอาดของโรงเรียน และช่วยทำความสะอาดห้องเรียน
-          ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่โรงเรียนจัดด้วยความเต็มใจ
-          ปิดน้ำ และปิดไฟฟ้าทุกครั้งที่ใช้แล้ว เพื่อช่วยกันประหยัด
-          ทำตามระเบียบวินัยของโรงเรียน และสามัคคีกัน

    7.      การใช้จ่ายเมื่อมาโรงเรียน
เรามาโรงเรียน จะต้องมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเรา ซึ่งพ่อแม่เป็นผู้จ่ายเงินให้แก่เรา เพื่อให้มีสิ่งของ เครื่องใช้ และค่าบริการ ได้แก่ เสื้อผ้า สมุด หนังสือ เครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง รวมทั้งค่าใช้จ่ายประจำวันของเรา บางโรงเรียนต้องเสียค่าเล่าเรียนด้วย
ส่วนทางโรงเรียนต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่อง ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าวัสดุอุปกรณ์การเรียน การสอน ค่าแรงคนงาน ค่าซ่อมแซมสิ่งชำรุดเสียหาย บางโรงเรียนต้องจ่ายเงินเดือนครูผู้สอนด้วย
นักเรียนต้องรู้จักการใช้จ่ายให้ถูกต้อง เหมาะสม เพื่อฝึกนิสัยที่ดีในการประหยัด เป็นการช่วยเหลือพ่อแม่ และโรงเรียน ดังนี้
(1)   ซื้อของใช้ที่จำเป็นและเก็บไว้ใช้นาน ๆ ให้คุ้มค่า
(2)   รู้จักเก็บข้อใช้ทุกครั้ง ไม่ทิ้งขว้าง
(3)   เขียนชื่อ นามสกุล และชั้น ที่สมุด หนังสือ และเครื่องเขียน
(4)   เลือกซื้อของกินที่สะอาด และมีประโยชน์ต่อร่างกาย
(5)   แบ่งเงินที่ได้รายวันเก็บออมไม่ควรใช้ให้หมด

Download (เนื้อหา)   Download (แบบฝึกหัด)    Download (แบบทดสอบ) 






Blog เพื่อนการศึกษา

***Blog เพื่อนการศึกษา*** ***สรุปเนื้อหา*** **สรุปเนื้อหา ม.456 สรุปเนื้อหา ชีววิทยา ม.456 สรุปเนื้อหาเข้า ป.1 - ม.6 สรุปเนื้อหา - วิชาสังคม...