วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 4 เศรษฐกิจเบื้องต้น (เนื้อหา)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 4 เศรษฐกิจเบื้องต้น (เนื้อหา)


Download (เนื้อหา)



   1.      ความหมายและความสำคัญของเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจ คือ เรื่องเกี่ยวกับการทำงาน มีรายได้ และการรู้จักใช้จ่าย เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสมและดีวาม
คนที่เติบโต มีอายุพอควร ต้องทำงานโดยมีอาชีพต่าง ๆ กัน ตามความรู้ความสามารถ เพื่อให้มีรายได้ หรือเงิน มรใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เราเป็นเด็กยังไม่มีรายได้ ยังไม่ได้ทำงาน เพราะเราต้องศึกษาเล่าเรียนให้มีความรู้ความสามารถก่อน จึงจะทำงานประกอบอาชีพได้

   2.     สิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
คนเราจะดำรงชีวิตอยู่ได้ ต้องมีสิ่งจำเป็น 4 อย่าง เรียกว่า ปัจจัย 4 คือ
(1)   อาหาร เรากินอาหารที่ดี มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายเติบโต แข็งแรง และช่วยต้านทานโรค เช่น ข้าว ไข่ เนื้อ นม ผักผลไม้ โดยทำเป็นอาหารที่สด และ สะอาด เราไม่ควรกินของที่ไม่มีประโยชน์ เช่น น้ำอัดลม ทอฟฟี่ ขนมกรุบกรอบ ของหมักดอง เพราะทำให้เราฟันผุ ท้องเสีย และไม่แข็งแรง
(2)   ที่อยู่อาศัย  เราอยู่ในบ้านที่สะอาดและปลอดภัย เราหมั่นกวาด เช็ดถู จัดเก็บสิ่งของ เครื่องใช้ให้เป็นที่ ไม่รกรุงรัง ทำให้ไม่เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค หรือ แหล่งที่อยู่ของสัตว์บางชนิด
(3)   เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เมื่อใช้แล้ว ต้องซักรีดให้สะอาด ไม่หมักหมมจนขึ้นรา เครื่องนอนหมั่นตากแดด
(4)   ยารักษาโรค เมื่อไม่สบายหรือเจ็บป่วย จำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาให้หาย

   3.     รายได้ รายจ่าย
พ่อแม่ทำงาน มีอาชีพ ความรู้ความสามารถ ทำให้มีรายได้ตอบแทนที่เป็นเงิน เพื่อนนำมาใช้ซื้อ หรือ จ่ายในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพราะคนเราไม่สามารถทำหรือผลิตสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นได้ทุกอย่าง จึงต้องใช้เงินที่เราเป็นรายได้มาซื้อจ่ายสิ่งของที่ต้องการ
เราเป็นเด็ก ยังไม่ได้ทำงาน จึงไม่มีรายได้ แต่เราก็มีรายจ่ายเมื่อมาโรงเรียน พ่อแม่ให้เงินเรา ทำให้เราได้นำมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น
รายได้ คือ เงินตอบแทนที่ได้จากการทำงาน หรือ ขายของที่เป็นสินค้าต่าง ๆ เป็นรายรับ
รายจ่าย คือ การใช้เงินเพื่อซื้อหรือจ่าย ในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

   4.     ซื้อจ่าย และใช้ให้คุ้มค่า
พ่อแม่ให้เงินแก่เราได้ใช้จ่าย เมื่อมาโรงเรียนทุกวัน เราต้องรู้จักซื้อสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นของกินของใช้ให้เหมาะสม ต้องนึกถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ก่อนซื้อสิ่งของใด ๆ ควรตรวจสอบว่า ยังมีของเดิมอยู่ และยังใช้ได้ดี ก็ไม่ควรซื้อมาอีก เราต้องไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ซื้อจนเงินหมด ให้รู้จักการประหยัด การเก็บออม และความพอเพียง ดังนี้
ก.      การประหยัด
การประหยัด คือ การรู้จักกิน รู้จักใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และครอบครัว มีข้อควรทำ ดังนี้
(1)   ซื้ออาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และซื้อให้พอดี ไม่เหลือทิ้ง
(2)   รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังหาย
(3)   ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาเท่าที่จำเป็น ไม่เปิดทิ้งไว้
(4)   ดูแลเครื่องเขียน ของใช้ในการเรียนให้ครบ ไม่ทำหาย
(5)   ไม่ควรซื้อของเล่นมากเกินไป
(6)   ทำความสะอาดเสื้อผ้า ของใช้ เพื่อให้ใช้ได้นาน ๆ
ข.     การเก็บออม
การเก็บออม คือ การแบ่งเงินรายได้ มาเก็บสะสมไว้ทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช้จนหมดไป รู้จักทำการบันทึก รายรับ รายจ่าย ประโยชน์ของการเก็บออม คือ ทำให้เรามีเงินเพิ่มขึ้น เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายเมื่อเวลาจำเป็น เช่น รักษาตัวเมื่อเจ็บป่วย เป็นทุนเรียนต่อในระดับสูงขึ้น ซื้อของจำเป็นที่ต้องการ เป็นเงินลงทุนเมื่อประกอบอาชีพ
ค.      ความเป็นอยู่อย่างพอเพียง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริ เป็นหลักคิดเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่พอเหมาะ พอดี รู้จักการใช้จ่ายที่ให้ประโยชน์ คุ้มค่า โดยมีแนวทางปฏิบัติเบื้องต้นตามวัย ดังนี้
(1)   ตั้งใจเรียน และฝึกฝนการทำงานให้เป็นพื้นฐานที่ดีเมื่อเติบโต
(2)   รู้จักใช้เงิน สิ่งของเครื่องใช้ รวมทั้งเวลา อย่างประหยัด และได้ประโยชน์ ไม่น้างปัญหา แต่รู้จักแก้ไขเมื่อมีปัญหา
(3)   เมื่อถึงวัยทำงาน มีอาชีพ ต้องทำงานสุจริต ด้วยความขยันขันแข็ง ให้มีรายได้เพื่อนำมาใช้จ่าย
(4)   รู้จักการเก็บออม โดยฝึกการใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้
(5)   มีน้ำใจ ช่วยเหลือกันตามความเหมาะสม
(6)   ช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงสภาพดี ไม่มีพิษภัย
(7)   รู้จักปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อลดรายจ่าย

(8)   รัก และปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มอากาศดี และลดความร้อนที่เกิดขึ้นบนพื้นโลก






คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 3 สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนและบ้าน (แบบทดสอบ)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 3 สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนและบ้าน (แบบทดสอบ)








คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 3 สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนและบ้าน (แบบฝึกหัด)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 3 สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนและบ้าน (แบบฝึกหัด)







คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 3 สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนและบ้าน (เนื้อหา)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 3 สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนและบ้าน (เนื้อหา)

Download (เนื้อหา)

1.      ความหมายและความสำคัญของสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม คือ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา แบ่งออกเป็น 2 พวก คือ
ก.      สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งอยู่รอบตัวเรา ที่มีอยู่ หรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีความสัมพันธ์กับคน และสิ่งแวดล้อมด้วยกัน แบ่งได้เป็น 2 พวก คือ
(1)   สิ่งมีชีวิต ได้แก่ คน สัตว์ พืช
(2)   สิ่งไม่มีชีวิต ได้แก่ หิน ดิน น้ำ อากาศ
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่มนุษย์เรานำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ดำรงชีวิตได้ และให้ความสะดวกสบาย เรียกว่า ทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ดิน หิน ทราย น้ำ น้ำมัน อากาศ ป่าไม้ สัตว์ป่า
ข.      สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น
สิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์และให้ความสะดวกสบาย ได้แก่ บ้านเรือน ถนน สะพาน สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ

2.     การพึ่งพาอาศัยกันของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่โรงเรียน และที่บ้านมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องและพึ่งพาอาศัยกัน เช่น  บ้านและอาคารปลูกบนดิน มีการปลูกต้นไม้รอบ ๆ บริเวณ เพื่อให้ดูสวยงาม และ เราได้รับอากาศดี ฝนทำให้ดินชุ่มชื้น เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืช แสงแดดทำให้เราได้รับแสงสว่างและความอบอุ่น พืชต้องการแสงแดดในการสร้างอาหารด้วย
ดิน น้ำ อากาศ แสงแดด ต้นไม้ เป็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา ทั้งที่บ้าน และที่โรงเรียน ให้ประโยชน์แก่คนเราทั้งทางตรง และทางอ้อม ทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ เราทุกคนรักสิ่งแวดล้อม และช่วยกันดูแลให้มีสภาพดี เราไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม


3.     สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่โรงเรียนและที่บ้าน
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่โรงเรียนและบ้าน คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่มีอยู่ภายใน และรอบบริเวณโรงเรียนและบ้าน ซึ่งเรามองเห็น หรือ มองไม่เห็นก็ได้ เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ดิน หิน อากาศ ลม ฝน ภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ สัตว์
โรงเรียนและบ้านจะต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติ มีแสงแดดจากดวงอาทิตย์ มีลมพัดผ่าน เย็นสบาย ทำให้มีอากาศปลอดโปร่ง มีฝนตก ทำให้ดินชุ่มชื้น ต้นไม้งอกงามดี มีน้ำไหลตามธรรมชาติ ทำให้มีบริเวณที่ร่มรื่นและสวยงาม

4.     องค์ประกอบทางกายภาพ
องค์ประกอบ หมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่นำมารวมกัน ทำให้เกิดเป็นรูปร่าง สถานที่ หรือ บริเวณ
กายภาพ หมายถึง สิ่งที่มองเห็น จับต้องได้

ก.     องค์ประกอบทางกายภาพของโรงเรียน
โรงเรียนแต่ละแห่งมีองค์ประกอบที่สำคัญเหมือนกัน คือ อาคารเรียน ห้องเรียน เสาธง ซุ้มพระพุทธรูป โรงอาหาร ห้องประชุม ก๊อกน้ำ ห้องส้วม ต้นไม้ สนามหญ้า สนามเล่นกีฬา ที่ปลูกไม้ประดับ ถังรองรับขยะ
ส่วนที่แตกต่างกันขององค์ประกอบแต่ละโรงเรียน เช่น บริเวณพื้นที่ ขนาด จำนวนอาคาร บริเวณที่จอดรถ สระว่ายน้ำ โรงฝึกกีฬาในร่ม แปลงปลูกพืชผัก องค์ประกอบที่แตกต่างกันนี้ บางโรงเรียนอาจจะมี หรือ ไม่มีก็ได้
ลักษณะทางกายภาพของโรงเรียนที่อยู่ในเมือง ย่อมแตกต่างจากโรงเรียนที่อยู่นอกเมืองออกไป เช่น
-          โรงเรียนในเมือง จะมีอาคารเรียนหลายหลัก แต่ละอาคารมี  3 – 4 ชั้น บริเวณสนามมีน้อย ถนนหน้าโรงเรียนจะมีรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่มารับส่ง ในเวลาเช้าก่อนโรงเรียนก่อนโรงเรียนเข้าและตอนเลิกเรียน จอกจากนี้ยังมีคนนำขนม ของกิน ของเล่น มาขายที่หน้าโรงเรียน ทำให้มีความวุ่นวายมาก นอกจากนี้ยังมีต้นไม้น้อย อาจเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้ในกระถาง ตั้งวางที่บริเวณอาคาร

-          โรงเรียนนอกเมือง  มีบริวเวณกว้างขวาง ใช้เป็นสนามกีฬา จำนวนอาคารเรียนมีไม่มาก เพราะจำนวนนักเรียนมีน้อยกว่าโรงเรียนในเมือง มีต้นไม้ที่ให้ร่มเงา แต่ยานพหนะที่มารับส่งนักเรียนมีน้อย ทำให้ไม่มีความวุ่นวาย และไม่มีความแออัด รวมทั้งสินค้าที่มาขายหน้าโรงเรียนไม่มี หรือ มีน้อย

ข.     องค์ประกอบทางกายภาพของบ้าน
บ้านมีองค์ประกอบที่เป็นตัวบ้าน คือ เสา หลังคา ฝาบ้าน หน้าต่าง ประตู ฝ้าเพดาน ซึ่งสร้างด้วยไม้ อิฐ ปูน กระจก ตะปู ในบ้านประกอบด้วยหลายห้อง เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ซึ่งแล้วแต่ความต้องการของเจ้าของบ้าน

นอกจากตัวบ้านที่มีองค์ประกอบของล้านแล้ว ยังมีองค์ประกอบทางกายภาพรอบบ้าน หรือ สภาพแวดล้อมบริเวณบ้าน เช่น ต้นไม้ สนาม พื้นดิน รั้ว ทางเดินรอบบ้าน ถนนหน้าบ้าน บ้านใกล้เคียง





Download (เนื้อหา)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (แบบทดสอบ)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (แบบทดสอบ)










คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (แบบฝึกหัด)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (แบบฝึกหัด)

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (เนื้อหา)


คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (เนื้อหา)


Download (เนื้อหา)  

คู่มือเตรียมสอบ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ป.1 - 2 - 3 ___ สังคม ป.1 - บทที่ 2 บ้านและครอบครัว (เนื้อหา)  

1.      ความหมายและความสำคัญ
บ้าน  คือ ที่อยู่อาศัยของคน บ้านมีหลายแบบ มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น เรือน กระท่อม ตึกแถว แฟลต คอนโดมิเนียม
ทุกคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เรียกว่า ครอบครัว ซึ่งเป็นสมาชิกในบ้าน มี พ่อ แม่ พี่น้อง และตัวเรา
บ้านเป็นที่พักผ่อนและดำรงชีวิตประจำวัน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว กินอาหาร ดูทีวี นอนหลับ ในบ้านจะมีห้องที่สำคัญ คือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ส่วนห้องอื่น ๆ แล้วแต่ขนาด และฐานะของคนในบ้าน ซึ่งบ้านยังเป็นที่เก็บสิ่งของเครื่องใช้ของทุกคนในบ้านด้วย
ความสำคัญของบ้าน คือ เป็นที่อยู่อาศัยอย่างสุขกายสุขใจ ขนาดของบ้านไม่สำคัญเท่ากับคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน มีความรัก ความห่วงใย เข้าใจและมีน้ำใจต่อกัน ช่วยกันดูแลจัดบ้านให้สะอาด ไม่รกรุงรัง ทุกคนในบ้านก็มีความสุข

2.     บุคคลในบ้านและญาติผู้ใหญ่
คนที่อยู่บ้านเดียวกัน เรียกว่า ครอบครัว ซึ่งมีหลายคน ครอบครัวของเรามี พ่อ แม่ พี่ น้อง และตัวเรา นอกจากนี้อาจมีญาติมาอาศัยอยู่ด้วย
(1)  พ่อแม่
    พ่อแม่ คือ ผู้ให้กำเนิดเรา เลี้ยงดูเราจนเติบโต ให้เราได้ศึกษาเล่าเรียน เพื่อให้มีความรู้ ความคิด นำไปประกอบอาชีพ สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
(2) ญาติผู้ใหญ่
ญาติ คือ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ กับครอบครัวของเรา ญาติผู้ใหญ่ของเรามี ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ
ก.      ญาติฝ่ายทางพ่อ ได้แก่
ปู่ คือ พ่อของพ่อ
ย่า คือ แม่ของพ่อ
ลุง คือ พี่ชายของพ่อ
ป้า คือ พี่สาวของพ่อ
อา คือ น้องชาย หรือ น้องสาวของพ่อ
ข.      ญาติทางฝ่ายแม่ ได้แก่
ตา คือ พ่อของแม่
ยาย คือ แม่ของแม่
ลุง คือ พี่ชายของแม่
ป้า คือ พี่สาวของแม่
น้า คือ น้องชาย หรือ น้องสาวของแม่



3.     ข้อมูลของตัวเราและครอบครัว
เราได้เรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ของโรงเรียนที่เราไปเรียนเหมือนกับเพื่อน ๆ เพราะเป็นเรื่องของข้อมูลเดียวกัน เราทราบข้อมูลของโรงเรียนโดยการสอบถามจากครู แต่ข้อมูลของตัวเราเอง และครอบครัว ต้องแตกต่างจากเพื่อน เราต้องรู้จักสำรวจข้อมูลโดยการสอบถามจากพ่อ แม่ พี่ หรือ ญาติผู้ใหญ่ และจดบันทึกไว้เพื่อให้จำได้
ข้อมูลที่ควรสำรวจเกี่ยวกับตัวเอง และครอบครัว ได้แก่
(1)   เชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิดของฉัน
(2)   จำนวนสมาชิกในบ้าน มี ___ คน
(3)   ชื่อพ่อแม่ และอาชีพการงานของท่าน
(4)   บ้านของฉันเลขที่ ______ ซอย______ ถนน _____ ตำบล (แขวง) _________ อำเภอ (เขต) _________ จังหวัด ____________
(5)   งานในบ้านที่ฉันช่วยทำได้ คือ ____________
4.     บทบาทหน้าที่ของบุคคลในครอบครัว
บุคคลในครอบครัว คือ สมาชิกที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ได้แก่ พ่อ แม่ ลูก แต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง ดังนี้
(1)   พ่อ คือผู้ชายที่ให้กำเนิดเรา เป็นหัวหน้าครอบครัว พ่อมีบทบาทในการดูแล และช่วยเหลือทุกคนในบ้าน
หน้าที่ของพ่อ
-          ทำงานเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน
-          อบรมและสอนลูกให้รู้หน้าที่ และให้เป็นคนดี
-          ดูและและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้าน เช่นซ่อมแซมเครื่องใช้ที่ชำรุด
-          ช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้แก่สมาชิกในบ้าน
-          ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูก

(2)   แม่ คือ ผู้หญิงที่ให้กำเนิดเรา เป็นผู้ช่วยของพ่อ แม่มีบทบาทในการดูแลความเป็นอยู่ และจัดการเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านให้เรียบร้อย บางบ้านแม่ต้องทำงานเพื่อช่วยหารายได้มาใช้จ่ายด้วย
หน้าที่ของแม่
-          ดูแลจัดการเรื่องอาหารการกิน
-          ทำความสะอาดบ้านและเสื้อผ้า
-          สอนให้ลูกรู้หน้าที่ และฝึกให้ช่วยงานบ้าน
-          จัดการดูแลการใช้จ่ายเงินให้เหมาะสม
-          ให้กำลังใจลูก ดูแลเมื่อลูกไม่สบาย

(3)   ลูก คือ ผู้ที่เกิดจากพ่อแม่ เราเป็นลูก เรามีพี่และมีน้อ
หน้าที่ของลูก
-          ตั้งในศึกษาเรียนรู้ เพื่อให้เลี้ยงตัวเองได้
-          เชื่อฟังและทำตามคำสั่งสอนของพ่อแม่
-          ช่วยเหลืองานในบ้านที่ทำได้ ไม่ทำเฉย
-          ช่วยประหยัดสิ่งต่าง ๆ ในบ้าน
-          มีน้ำใจต่อพ่อแม่ พี่น้อง ไม่ทะเลาะกัน
5.      การช่วยเหลือครอบครัว
เราอยู่ด้วยกันในครอบครัวอย่างมีความสุข เพราะทุกคนในบ้านดูและช่วยเหลือกัน มีน้ำใจต่อกัน พ่อแม่ทำงานหาเงินมาใช้จ่ายและเลี้ยงดูลูกให้ได้เล่าเรียน เราเป็นลูกจึงต้องรู้จักช่วยเหลือครอบครัว ดังนี้
(1)   ตื่นนอนแต่เช้า เก็บที่นอน ช่วยตัวเองในการทำความสะอาดร่างกาย แต่งตัว กินอาหาร และการขับถ่ายโดยไม่ต้องรอให้พ่อแม่บอกทุกครั้ง
(2)   ช่วยทำงานในบ้านตามความสามารถ โดยฝึกทำเป็นประจำ เช่น กวาดถูบ้าน เก็บของใช้ ของเล่นให้เข้าที่
(3)   ช่วยปิดไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อใช้แล้ว
(4)   ใช้น้ำประปาให้พอดี เท่าที่จำเป็น
(5)   ไม่พูดคุยเล่นทางโทรศัพท์นานเกินไป
(6)   รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายและพักผ่อนพอเพียง หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา
(7)   มีส่วนช่วยในการจัดสิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน หรือหยิบไปใช้ต้องนำกลับมาไว้ที่เดิม

การฝึกตนในการช่วยเหลือครอบครัว ต้องฝึกตั้งแต่เล็ก ให้เป็นนิสัยที่ดี และนำไปปฏิบัติได้จนเป็นผู้ใหญ่ เป็นการสร้างคุณภาพให้แก่ชีวิตของเราเอง

6.      มารยาทในการกิน
เราต้องฝึกมารยาทในการกิน โดยที่พ่อแม่ หรือ ญาติผู้ใหญ่เป็นผู้ที่แนะนำ สั่งสอนเรา เรามีมารยาท และนิสัยที่ดีในการกิน ดังดี
(1)   ตักอาหารให้พอดี แล้วกินให้หมอและเคี้ยวให้ละเอียด
(2)   รู้จักใช้ช้อนส้อม และใช้ช้อนกลางในการตักอาหาร
(3)   ตั้งใจกินให้เสร็จ ไม่เล่นคุยหยอกล้อกันขณะที่กิน
(4)   กินไม่มูมมาม รีบร้อนจนหกเลอะเทอะ
(5)   ล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง ก่อนกินอาหารและหลักกินอาหาร
(6)   ช่วยหยิบหรือยกสิ่งต่าง ๆ ที่ทำได้ เพื่อผ่อนแรงและแสดงน้ำใจ เช่น ยกถ้วยจานที่ใช้แล้วไปไว้ที่บ้าง หรือฝึกล้างภาชนะที่พอทำได้ ช่วยเช็ดโต๊ะอาหาร

7.      ฝึกตนให้มีพื้นฐานการเรียนและการทำงาน
การช่วยเหลือตนเอง และการฝึกมารยาทในด้านต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้ไปนั้น เป็นการฝึกตนเองในเบื้องต้นจากที่บ้านและที่โรงเรียน ทำให้เรามีนิสัย และการกระทำที่ดีงาม เป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการเรียน ซึ่งยังมีเรื่องที่ควรรู้ และฝึกตนเองให้ทำได้ตามวัย ดังนี้
(1)   รู้จักฟัง และอ่านเรื่องต่าง  ๆ ให้เข้าใจ รู้จักถามถ้ายังไม่เข้าใจ
(2)   พูดตอบ หรือพูดถามให้ชัดเจน
(3)   เขียนสิ่งที่เรารู้หรือสิ่งที่เราอยากจะบอกให้ตรงเรื่อง
(4)   ทำงานที่ได้รับมอบหมายทั้งที่โรงเรียน และที่บ้านให้เสร็จทันเวลา ไม่มัวพูดคุย หรือเล่นโอ้เอ้อยู่
(5)   ทำตามกฎระเบียบที่กำหนด รู้จักแก้ไขปรับปรุงตนเองในเรื่องที่บกพร่องให้ดีขึ้น


Download (เนื้อหา)   Download (แบบฝึกหัด)    Download (แบบทดสอบ) 



Blog เพื่อนการศึกษา

***Blog เพื่อนการศึกษา*** ***สรุปเนื้อหา*** **สรุปเนื้อหา ม.456 สรุปเนื้อหา ชีววิทยา ม.456 สรุปเนื้อหาเข้า ป.1 - ม.6 สรุปเนื้อหา - วิชาสังคม...